8/06/2553

ความลับผู้ชายมาจากดาวอังคารเหรอ

ใครๆ ก็บอกว่าผู้ชายมาจากดาวอังคาร (หนังสือขายดีของ ดร.จอนห์ เกรย์ ที่เขียนถึงความแตกต่างของหญิงชาย เพื่อให้เกิดการยอมรับและเข้าใจ ลดความขัดแย้ง ในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างกัน) รายงานพิเศษของเราจะตีแผ่ความลับของผู้ชายซึ่งคุณอาจต้องประหลาดใจ
ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง และความเชื่อเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของชาย
ใครสะอื้นไห้เวลาดูหนังเศร้า ใครจะเป็นจะตายเวลาอกหัก ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบคือผู้ชาย ผลการศึกษาเผยว่าผู้ชายมีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนและเข้าใจยากไม่แพ้ผู้หญิง บางครั้งอาจลึกลับจนแม้ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ นับประสาอะไรกับผู้หญิง แม้อารมณ์จะเป็นจุดเด่นที่สุดของผู้หญิงแต่ผู้ชายก็มีความอ่อนไหวและมีประสบการณ์ด้านอารมณ์ได้มากพอๆกัน ในการศึกษาภาวะด้านอารมณ์ของผู้ใหญ่ 500,000 คน กลุ่มตัวอย่างเพศชายระบุว่ารู้สึกอ่อนไหวสูงพอๆ กับกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง การศึกษาคู่สามีภรรยาพบว่าทั้งสองอ่อนไหวต่อความเครียดของคู่สมรสมากเท่าๆ กัน แต่ก็สามารถปลอบโยนอีกฝ่ายได้ดีไม่แพ้กันแม้หญิงชายอาจถอนหายใจ ร้องไห้ เฮฮา กราดเกรี้ยว ตะโกน หรือแสดงความรำคาญได้บ่อยพอกัน แต่ทั้งสองเพศมีวิธีแสดงอารมณ์ต่างกัน “อารมณ์เป็นฉากหลังในชีวิตของผู้ชายขณะที่เป็นฉากหน้าในชีวิตของผู้หญิง” ดร. จอช โคลแมน นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ สามีจอมขี้เกียจ กล่าวว่า “ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชายซึ่งจัดหมวดหมู่สิ่งต่างๆ และมองทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า ดูเหมือนหญิงจะโอนอ่อนตามอารมณ์มากกว่าชายซึ่งพยายามจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ดีขึ้นและทั้งคู่ก็มีความสุขมากขึ้น”
กลไกในสมอง
ทำไมผู้ชายขาดความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ คำตอบคือต้องโทษสมอง ดร. เดวิด พาวเวล ประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านสุขภาพนานาชาติ อธิบายว่า สมองของหญิงมีการสื่อสารระหว่างซีกซ้ายซึ่งควบคุมระบบเหตุผลกับซีกขวาซึ่งควบคุมการทำงานของอารมณ์ได้ดีกว่าสมองของชายทั้งหมดนี้อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผลการศึกษาในกลุ่มสังคมต่างวัฒนธรรม 125 ฉบับ จึงระบุว่าเด็กชายกับผู้ชายตีความสารที่ได้สื่ออกมาเป็นคำพูด เช่น อากัปกิริยา สีหน้า และน้ำเสียงของคู่สนทนาผิดพลาดกว่าผู้หญิง ผู้ชายยังมีปฏิกิริยาต่ออารมณ์น้อยกว่าและลืมได้เร็วกว่า การทดลองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า ภาพสะเทือนอารมณ์ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในสมองของหญิงมากกว่าชาย สามสัปดาห์ต่อมา ผู้หญิงยังจำรายละเอียดของภาพได้
น้ำตาลูกผู้ชาย“การแสดงอารมณ์ เช่น ร้องไห้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ชาย” เด็กชายทุกคนได้รับการสั่งสอนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พออายุหนึ่งขวบก็เริ่มสบตาน้อยกว่าเด็กหญิง และหันไปสนใจกับสิ่งที่เคลื่อนไหว เช่น รถยนต์ มากกว่าจะมองหน้าคน พ่อ-แม่แสดงความรู้สึกกับลูกชายน้อยกว่ากับลูกสาว (ยกเว้นอารมณ์โกรธ) เด็กชายจึงรู้จักคำศัพท์เกี่ยวกับ “อารมณ์” น้อยกว่าเด็กผู้หญิง เวลาอยู่ในสนามเด็กเล่นนอกบ้าน เด็กชายถูกสอนว่าต้องกลั้นน้ำตาและไม่ขี้ขลาด เมื่อเข้าโรงเรียนใบหน้าของเด็กชาย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเปิดเผยไม่ต่างจากเด็กหญิงเริ่มแสดงอารมณ์น้อยลงเรื่อยๆ พอโตเป็นผู้ใหญ่ ชายจะพูดน้อยลง อย่างน้อยเวลาอยู่หน้าสาธารณชน ชายจะพูดเพื่อแสดงว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น ตรงข้ามกับผู้หญิงซึ่งจะพูดเพื่อดึงดูดความสนใจคนรอบข้าง แม้แต่กับเพื่อนส่วนใหญ่ ผู้ชายก็อาศัยคำพูดเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านงานช่าง กีฬา รถยนต์ คอมพิวเตอร์ “ผู้หญิงพูดเพื่อให้หัวสมองปลอดโปร่ง แต่ผู้ชายคิดก่อนพูด” นายแพทย์มาร์ก กูลส์ทัน จิตแพทย์และผู้แต่งหนังสือ เคล็ดลับหกประการให้สัมพันธภาพยืนยาว (The 6 Secrets of Lasting Relationship)
ทำไมผู้ชายระเบิดอารมณ์
แม้ผู้หญิงจะรู้สึกโกรธบ่อยพอๆ กับผู้ชาย แต่ความฉุนเฉียวก็ยังเป็นอารมณ์ประจำตัวเพศชายอยู่ดี ทำไมผู้ชายหลายคนถึงแสดงอาการกราดเกรี้ยว “ความโกรธมีสาเหตุมาจากจิตใจที่สับสนเมื่อต้องเก็บกดอารมณ์บางอย่างไว้ ชายทุกคนพยายามเก็บความรู้สึกเพราะกลัวว่าการเปิดเผยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การปอกเปลือกจนหมดใจ” ดร. เคนแนท ดับเบิลยู. คริสเตียน นักจิตวิทยาและผู้เขียนศัตรูตัวร้ายของคุณ (Your Own Worst Enemy) กล่าว “ถ้าคุณไม่หาทางปลดปล่อยมันออกมาบ้างหรือหาวิธีจัดการอย่างถูกต้องอารมณ์เหล่านี้จะเป็นเหมือนไฟคุกรุ่น รอเวลาลุกโหมขึ้นมาเมื่อชีวิตของคุณพังครืนลง เพราะปัญหาบางอย่าง”
ลองวิธีนี้
ผู้ชายสามารถแสดงอารมณ์โดยไม่ต้องร้องไห้หรือรู้สึกกลัว ต่อไปนี้เป็นวิธีเริ่มต้นหาวิธีแสดงอารมณ์อย่างสร้างสรรค์หางานอดิเรกอย่างวาดรูปหรือเล่นดนตรีผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่จำนวนมากเป็นการสร้างสรรค์ของเพศที่ได้ชื่อว่าเก็บกดที่สุดระบายความเครียดและโกรธด้วยการออกกำลัง “เมื่อรู้สึกกดดันสุดขีดจนอยากเอาหัวชนฝา ให้รีบหาทางออกกำลัง บางทีแค่สิบนาทีอาจยังไม่พอ”แสดงอารมณ์ออกไป “นิดหน่อย” เริ่มจากความรู้สึกที่คุณควบคุมได้หาคนที่เข้าใจและใช้คำว่า “นิดหน่อย” เช่น เศร้า “นิดหน่อย” หรือ กลัว “นิดหน่อย” อย่างนี้จะปลอดภัยกว่าการเปิดเผยจนหมดเปลือกเดินหน้าเข้าชน “แทนที่จะหลีกเลี่ยงอารมณ์ที่คุณไม่แน่ใจว่าจะจัดการได้ ทางที่ดีคือเดินหน้าเข้าหา” ดร. ทราวิส แบรดเบอรี่ นักจิตวิทยา กล่าว “การจัดการกับอารมณ์ของตนเป็นเรื่องที่อาศัยเวลาและการฝึกฝนเพราะเป็นการฝึกสมอง แต่ยิ่งทำก็ยิ่งง่าย”
ผู้หญิงต้องรู้
“ชายก็เหมือนปูเสฉวน” คริสกล่าว “ถ้าเปิดเผยความรู้สึกแล้วต้องเจ็บปวดเพิ่ม เราจะหดกลับเข้าไปในกระดองและไม่โผล่หัวออกมาอีก เราไม่ยอมให้ใครมาถากถางหรือเยาะเย้ยเราต้องบ่มตัวเองอยู่นานกว่าจะรู้สึกปลอดภัย” ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ผู้หญิงสามารถทำได้เพื่อช่วยให้ผู้ชายข้างกายรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความรู้สึกเวลาพูด ให้อยู่”เคียงข้าง” แทนที่จะ “ประจันหน้า” นักจิตวิทยากล่าวว่า การยืนเผชิญหน้ากับผู้ชายจะทำให้เขารู้สึกว่าถูกท้าทายและยั่วยุ เพราะฉะนั้น แทนที่จะนั่งตรงข้ามกับสามี ควรนั่งข้างๆ เขาทำกิจกรรมประเภทกีฬาร่วมกัน เวลาปั่นจักรยานหรือเดินป่า ปราการในหัวใจผู้ชายจะอ่อนบางลง ดังนั้น จึงควรปล่อยให้เรื่องราวต่างๆ ผุดขึ้นมาอย่าเร่งเร้าให้พูดเวลาเดิน เพราะเขาอาจปิดปากเอาดื้อๆหัดดูหนังชีวิตแบบผู้ชาย หนังชีวิตเกี่ยวกับกีฬาทำให้ผู้ชายไม่น้อยซึ้งถึงกับน้ำตาซึม “กีฬาเป็นเครื่องยึดโยงระหว่างผู้ชายกับพ่อ สำหรับผู้ชายนี่คือรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อ” อย่าพยายามวิเคราะห์หรือวิจารณ์ชีวิตวัยเด็กของเขาอย่ากดดันให้เขาพูดว่าผจญอะไรมาบ้างในวันเลวร้ายสุดๆ “ถ้าวันไหนทุกอย่างแย่ไปหมด เขาเองก็ไม่อยากพูดถึงความเจ็บปวดแบบนี้หรอก” นักจิตวิทยากล่าว “จะมีประโยชน์อะไรกับการนั่งคุยเรื่องหดหู่ตลอดค่ำในเมื่อไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้”แสดงออกไม่ต้องพูด การพูดคุยอาจเป็นวิธีแสดงอารมณ์ที่ผู้หญิงนิยมใช้มากที่สุด “ผู้ชายแสดงอารมณ์ด้วยภาษากาย” นักจิตวิทยากล่าวว่า “เพศสัมพันธ์เป็นวิธีแสดงความรักอีกอย่าง” แทนที่จะบีบคั้นให้ผู้ชายถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดทางที่ดีควรหัดพูดภาษาของเขาหาทางทำให้เขาทราบเมื่อคุณต้องการกำลังใจ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโทเลวิจัยพบว่าสามีอาจอ่อนแอและต้องการกำลังใจไม่ต่างจากภรรยา เพียงขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาเท่านั้น “ผู้ชายไม่ถึงกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ภรรยาต้องทำให้เขาทราบว่าตัวภรรยาเองต้องการอะไรและเมื่อไหร่”บอกสามีว่าเขามีความหมายต่อคุณเพียงไร “เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังให้ถามสามีว่า “ทุกวันนี้ ฉันทำให้คุณรู้สึกชื่นชมและให้เกียรติคุณน้อยกว่าเมื่อตอนเจอกันครั้งแรกหรือเปล่า” จิตแพทย์แนะ “บอกเขาว่าคุณรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกโชคดีมากที่ทีเขามาร่วมชีวิตด้วย และขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกให้รู้เช่นนั้นบ่อยๆ เชื่อว่าคุณผู้ชายจะต้องถึงอ้าปากค้างแน่นอน”ดิฉันคิดว่าผู้ชายก็มีอารมณ์เหมือนผู้หญิงนั่นแหละ แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมา เพราะถูกการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง อดทน ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ แต่เมื่อเราได้อ่านบทความที่ดิฉันนำมาเสนอนี้จากนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ แล้ว ท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจผู้ชายมากขึ้นนะคะ...


ขอขอบคุณ....เขียนโดย. ไดแอน เฮลส์รีดเดอร์ส ไดเจสท์ มิถุนายน 2549 หน้า 81-87

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น